แผลเป็น หลุมสิว ใช้ยารักษาไม่เพียงพอจริงหรือ???
จริงที่สุดค่ะ !!
เนื่องจากหลุมสิวเกิดจากการที่สิวเกิดอาการอักเสบนานต่อเนื่องเป็นเดือนๆ หรือเกิดจากการ กด บีบ สะกิดแบบผิดวิธีจนทำให้เกิดการอักเสบ และเกิดซ้ำๆ จนทำให้การอักเสบลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ และหลุมสิวไม่มีทางหายเองนะคะ ไม่ว่าจะทายา หรือครีมสูตรไหน ราคาแพงแค่ไหน การรักษาทำได้ด้วยการแต้มกรด ฟิลเลอร์ หรือการทำเลเซอร์ที่เป็น Fractional เท่านั้นคะ
ลักษณะหลุมสิว
1. Ice Pick Scar หลุมสิวลึก ขอบแคบ ขอบเล็ก เหมือนเป็นมากกว่าหลุม กลุ่มนี้จะรักษายากที่สุด
2. Box Scar เป็นหลุมสิวรอยกว้าง ขอบยก เห็นชัด เกิดจากสิว หรือ อีสุกอีใส
3. Rolling Scar เป็นหลุมสิวแบบแอ่งเว้า การรักษาต้องใช้ความอดทนและใช้เวลานาน
การรักษาหลุมสิว เราจะแบ่งคร่าวๆ ได้ดังนี้
โดยการรักษาอาการข้างต้นทำได้หลากหลายวิธี ขึ้นกับลักษณะปัญหาของแต่ละท่าน
1. แต้มกรด จะมีผลทำให้เกิดการเร่งเซลล์ผิว หลังทำจะเป็นสะเก็ดดำ หลุดไปเอง ต้องทำซ้ำทุก 1สัปดาห์
2. การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี คือการใช้ผงอะลูมิเนียมออกไซด์ พ่นโดยใช้สูญญากาศ ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื้อใหม่ ต้้องทำหลายครั้งถึงจะเห็นผลได้ดี
3. Dermapoint คือการใช้เข็มเล็กๆ จิ้มบริเวณหลุมสิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น ได้ผลค่อนข้างดี แต่มีข้อเสียคือค่อนข้างเจ็บ และต้องทายาชา
4. Subcision คือการใช้เข็มเข้าไปแซะที่ก้อนหลุม เพื่อแซะพังผืดออก เหมาะกับคนที่มีหลุมไม่มากและมีขนาดใหญ่ อาจใช้ร่วมกับวิธีรักษาแบบอื่น เพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
5. ใช้เลเซอร์ในกลุ่ม Fractional Laser (ที่รู้จักกันในชื่อ Fraxel, Finescan, E-Matrix) หลักการคือการปล่อยคลื่นแสงเป็นอนุภาคเล็กๆ บนผิวหนัง จากนั้น ผิวก็ซ่อมแซมตัวเองโดยการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่
อย่างไรก็ดีทุกวิธีข้างต้นควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาของคนไข้แต่ละรายไป
ทราบอย่างนี้แล้ว คิดให้ดีก่อนการบีบสิว กดหรือแกะสิวนะค่ะ สาวๆ ^ ^